ติดต่อเรา & ชำระเงิน คลิก!!! (Contact us & Payment)

ภาษาไทย
  • ภาษาไทย
  • English
  • 日本語
ตะกร้าสินค้า (0)


คู่มือเริ่มต้นใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ ③ FDM VS SLA

โพสต์โดย FIT THAI เมื่อ

ย้อนความตอนที่2

“FDM” ต่างจาก “SLA (เรซิน)” อย่างไร? เปรียบเทียบ 2 เทคโนโลยียอดนิยมแบบเจาะลึก!

จากบทความก่อนหน้า เราได้เห็นแล้วว่า 3D Printer ถูกนำไปใช้ตั้งแต่การทำต้นแบบไปจนถึงงานด้านการแพทย์อย่างกว้างขวางแต่ในความเป็นจริง แม้จะเรียกกันว่า “เครื่องพิมพ์สามมิติ” เหมือนกันทั้งหมด แต่ด้านในนั้นมีหลากหลาย “วิธีการสร้างชิ้นงาน” ให้เลือกใช้

และในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับสองเทคโนโลยีที่แพร่หลายที่สุด คือ “FDM (การหลอมเส้นพลาสติกทีละชั้น)” และ “SLA หรือระบบเรซินแบบแสง (Light Curing)” พร้อมหลักการทำงาน และ “ความแตกต่างของคุณภาพผลงาน” อย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่า แบบไหนตอบโจทย์ธุรกิจและงานของคุณมากที่สุด

1.FDM คืออะไร?

FDM เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยและเลือกใช้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่อยากลองสร้างชิ้นงานง่าย ๆ ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญในวงการอุตสาหกรรม 

หัวใจของเทคโนโลยีนี้ คือ การหลอมเส้นพลาสติกให้ร้อนจนละลายแล้วฉีดออกมาทีละชั้นซ้อนกันขึ้นเป็นรูปทรงสามมิติ จินตนาการง่าย ๆ ก็เหมือนการบีบซอฟต์ครีมให้วางทับกันเป็นรูปทรงที่เราต้องการแต่เครื่องจะทำงานอย่างแม่นยำกว่าหลายสิบเท่า

หลักการทำงาน

วิธีนี้ใช้เส้นพลาสติกขนาดเล็กที่เรียกว่า ฟิลาเมนต์ ถูกให้ความร้อนจนหลอมเหลวผ่านหัวฉีด และพิมพ์ออกมาเป็นเส้นบาง ๆ คล้ายการบีบซอฟต์ครีม จากนั้นเครื่องจะค่อย ๆ วางเส้นวัสดุทีละชั้นจนกลายเป็นชิ้นงาน

ข้อดีFDM

  • ต้นทุนต่ำ 
    ทั้งตัวเครื่องและวัสดุฟิลาเมนต์มีราคาย่อมเยา เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มต้นได้ง่ายที่สุด
  • วัสดุหลากหลาย 
    สามารถใช้พลาสติกอย่าง ABS หรือ PC ซึ่งเป็นวัสดุที่ใช้จริงในชิ้นส่วนอุตสาหกรรม มีทั้งความแข็งแรงและราคาที่เข้าถึงได้

ข้อจำกัดFDM

  • ผิวงานหยาบ 
    ด้วยหลักการที่ต้องวางเส้นวัสดุทีละชั้น ทำให้เกิดเส้นรอยชั้น หรือที่เรียกว่า “Layer Lines” ซึ่งเห็นได้ชัดเจน เป็นจุดอ่อนสำคัญของระบบนี้

  • ความละเอียด
    ความเรียบเนียนของผิวงานและความสามารถในการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ยังด้อยกว่าระบบเรซินแบบแสงที่จะกล่าวถึงในหัวข้อต่อไป

2.SLA คืออะไร?

SLA ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยี 3D Printer ที่มีประวัติยาวนานที่สุด และยังเป็นเทคโนโลยีที่ Formlabs เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ

หลักการทำงาน

ระบบนี้ใช้วัสดุที่เรียกว่า เรซินชนิดไวแสง (Photopolymer Resin) ซึ่งเป็นของเหลวที่แข็งตัวเมื่อได้รับแสง UV เครื่องจะยิงแสงเลเซอร์ หรือใช้หน้าจอความละเอียดสูง (LCD) ส่องผ่านก้นถังเรซินขึ้นมา เพื่อทำให้เรซินแข็งตัวทีละชั้น จนกลายเป็นชิ้นงานสมบูรณ์

ข้อดีSLA

  • ความละเอียดสูงเป็นพิเศษ
    เพราะเป็นการทำให้ของเหลวแข็งตัวด้วยแสง ทำให้ผิวงานเรียบ ละเอียด และแทบไม่เห็นรอยชั้นงานที่ได้มีคุณภาพใกล้เคียงชิ้นงานที่ผลิตด้วยแม่พิมพ์ (Injection Molding)
  • ความแม่นยำของขนาดสูง
    วัสดุเรซินมีการหดตัวจากความร้อนน้อยมาก จึงเก็บรูปทรงได้ใกล้เคียงแบบ CAD อย่างเที่ยงตรง

ข้อจำกัดSLA

  • ต้องมีขั้นตอนหลังการพิมพ์ (Post-Processing)
    หลังพิมพ์เสร็จ จะต้องล้างเรซินที่ยังไม่แข็งตัวออก และนำชิ้นงานไปอบแสง UV อีกครั้งเพื่อทำให้แข็งเต็มที่ ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

  • ต้นทุนวัสดุสูงกว่า FDM
    เรซินมีราคาสูงกว่าเส้นฟิลาเมนต์ทั่วไป ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อชิ้นมากกว่า

  • ความทนแสง UV ต่ำกว่า
    ขึ้นอยู่กับชนิดเรซิน แต่โดยทั่วไป วัสดุที่แข็งตัวด้วยแสงมักเสื่อมสภาพง่ายเมื่อโดนแสงแดดหรือ UV เป็นเวลานาน

3.เปรียบเทียบ FDM และ SLA

ทั้งสองเทคโนโลยีต่างมีข้อดีและข้อจำกัดของตัวเอง
ดังนั้น “คำตอบที่ดีที่สุด” จะขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ในการใช้งานของคุณ ว่าต้องการแบบไหนมากที่สุด

ด้านล่างคือการเปรียบเทียบในแต่ละประเด็นสำคัญ:

หัวข้อเปรียบเทียบ FDM  SLA 
หลักการทำงาน หลอมเส้นพลาสติกด้วยความร้อน แล้วพิมพ์ขึ้นทีละชั้น ใช้แสงทำให้เรซินเหลวแข็งตัวทีละชั้น
ผิวงาน ผิวค่อนข้างหยาบ รอยชั้นเห็นได้ชัด ผิวเรียบเนียนมาก แทบไม่เห็นรอยชั้น
ความละเอียด / ความแม่นยำ ระดับต่ำถึงปานกลาง แม่นยำสูงมาก รายละเอียดคมชัด
ต้นทุนวัสดุ ราคาประหยัด ราคาสูงกว่า
งานหลังพิมพ์ (Post-processing) เอา Support ออกเป็นหลัก จำเป็นต้องล้างและอบแสงเพิ่ม
การใช้งานเหมาะกับงานแบบไหน ตรวจสอบรูปทรงแบบง่าย ๆ ทำจิ๊กและฟิกซ์เจอร์ ตรวจสอบงานดีไซน์ งานต้นแบบละเอียด ผลงานทันตกรรม


กรณีที่เหมาะกับการใช้ระบบ FDM

  1. ต้องการเริ่มใช้ 3D Printer ด้วยงบประมาณที่ประหยัดที่สุด และอยากลองใช้งานเบื้องต้นก่อน
  2. เน้นทดลองความแข็งแรง ความทนทานของวัสดุอย่าง ABS มากกว่าความสวยงามของผิวงาน
  3. ใช้ทำจิ๊กหรืออุปกรณ์ที่สำคัญเพียงแค่ “ฟังก์ชันใช้งานได้” จึงไม่ซีเรียสเรื่องผิวงานหรือความละเอียดมากนัก

กรณีที่เหมาะกับการใช้ระบบเรซินแบบแสง (SLA)

  1. ต้องการทำโมเดลดีไซน์สำหรับนำเสนอให้ลูกค้า
  2. ต้องการชิ้นงานที่มีผิวเรียบเนียนใกล้เคียงผลิตภัณฑ์จริง
  3. ต้องตรวจสอบความพอดีของชิ้นส่วนต่าง ๆ (Fit / Assembly) ซึ่งต้องการความแม่นยำระดับไมครอน
  4. เน้นงานที่ต้องการรายละเอียดสูงมาก เช่น ฟิกเกอร์ งานจิวเวลรี่ หรือแบบจำลองทางทันตกรรม

 

สรุป : จุดตัดสินใจสำหรับงานธุรกิจ

หากใช้งานในระดับงานอดิเรก หรือแค่ต้องการตรวจสอบรูปทรงเบื้องต้น เครื่องพิมพ์แบบ FDM ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดี แต่สำหรับงานพัฒนาผลิตภัณฑ์จริง ที่ต้องการทั้ง ความแม่นยำตามแบบ และ ผิวงานที่สวยงามพอจะนำเสนอให้ลูกค้า เทคโนโลยีที่สามารถทำได้อย่างเหนือชั้นคือ ระบบเรซินแบบแสง (SLA)

Formlabs มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี SLA ให้ได้ทั้งความละเอียดสูง ความเสถียร และความน่าเชื่อถือในระดับมืออาชีพ ทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความไว้วางใจจากวิศวกร นักออกแบบ และผู้ใช้งานด้านการแพทย์ทั่วโลก

ครบทั้งคุณภาพ ความแม่นยำ และความคุ้มค่า—ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือที่ยกระดับงานของคุณได้จริง SLA จาก Formlabs คือคำตอบที่พร้อมพาคุณไปไกลกว่าเดิมแน่นอน

บทความตอนต่อไป

ในตอนที่ 4 เราจะพาคุณไปรู้จักเทคโนโลยีระดับอุตสาหกรรมที่ FDM หรือ SLA ไม่อาจทำได้ การพิมพ์ชิ้นงานไนลอนที่แข็งแรงพร้อมใช้งานจริงด้วยระบบ SLS เทคโนโลยีเดียวกับ Formlabs Fuse 1+เตรียมพบกับนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนมุมมองการผลิต และก้าวสู่ยุคใหม่ของงานอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง

แหล่งอ้างอิง

  1. SLS方式とは?:導入や活用のために知っておくと良い基本ガイド,
     
    https://www.yam-sls-3dprinter.com/post/blog-20241023-sls-technology

  2. 3Dプリント光造形方式(SLA方式)を徹底解説 みんすり情報局,
     
    https://make.dmm.com/blog/modelingmethod/stereolithographyapparatus/

  3.  https://www.3d-printer.jp/knowledge/classification/fdm.html#:~:text=FDM%E3%83%86%E3%82%AF%E3%83%8E%E3%83%AD%E3%82%B8%E3%83%BC%EF%BC%88Fused%20Deposition%20Modeling,%E9%80%A0%E5%BD%A2%E3%81%8C%E8%A1%8C%E3%81%88%E3%82%8B%E3%81%93%E3%81%A8%E3%81%A7%E3%81%99%E3%80%82

  4. 3Dプリンターを種類と造形方式から選ぶ, 
     
    https://i-maker.jp/blog/select-3dprint-method-33992.html

  5. 3Dプリンターの方式・仕組み・特徴を解説(2025年最新版)
     
    https://www.3d-printer.jp/knowledge/classification/

  6. 3Dプリンターとは? 前編 特徴や造形原理、メリットとデメリットを
     
    https://www.3d-printout.com/study3d/study1/

  7. 3Dプリンターを作れるもので選ぶ | 3Dプリンター・3Dプリントならi-MAKER, 
     
    https://i-maker.jp/blog/select-3dprint-make-33988.html

  8. 【22社徹底調査】失敗しない歯科用3Dプリンターの導入ガイド
     
    https://www.dent3d-navi.com/

 

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น